.             
              “ไม่มีวันใดที่ฉันจะโชคดีเลย” ฉันนั่งบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจก และวันนี้ก็เช่นเดียวกันที่ฉันนั่งบ่นประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่บ่นน้ำตาก็มักจะไหลออกมาทุกครั้ง จนขอบตาของฉันบวมเป่ง ทุกๆเช้าเกือบจะทุกวันตอนที่ฉันจะไปมหาวิทยาลัยเพื่อไปเรียน ฉันก็โดนแกล้งจากเพื่อนร่วมห้องเสมอ เธอมักจะเข้าห้องน้ำนานมากๆจนฉันต้องไปโรงเรียนสายเป็นประจำ บางครั้งเธอมักจะแกล้งกลับมาถึงห้องก่อนแล้วล็อคห้องเพื่ออยู่กับแฟนหนุ่มของเธอ และให้ฉันต้องไปอาศัยเพื่อนห้องข้างๆเพื่อพักอาศัย
              “วันอาทิตย์นี้ฉันจะไม่อยู่นะ หน้าที่ของเธอนะที่จะต้องจัดห้องให้สะอาด” เพื่อนของฉันออกคำสั่งเหมือนกับว่าฉันเป็นคนใช้ของเธอแม้ว่า จะอยู่ห้องพักอาศัยเดียวกันก็ตาม ฉันคิดอยู่เสมอที่จะย้ายไปอยู่ที่หออื่นไม่อยู่ร่วมกับเธอ แต่ก็ติดที่ทุนทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดของฉัน เพื่อนคนนี้เธอพร้อมที่จะจ่ายค่าห้องทั้งหมดให้กับฉัน เพียงเพื่อแลกกับความสบายของเธอ ฉันก็ต้องทนเพราะว่าฉันดิ้นรนที่จะมาเรียนหนังสือในกรุงเทพทั้งๆที่บ้านสุดแสนจะจน ฉันต้องประหยัดที่สุดเท่าที่จะประหยัดได้
              ฉันนั่งทำงานคนเดียวจนเสร็จ ด้วยอาการเร่งรีบเพราะว่าวันจันทร์นี้ฉันต้องสอบแล้ว ฉันนั่งอ่านหนังสือจนดึกแต่หนังสือก็ไม่ค่อยจะเข้าสมองเท่าไร ทำไงได้ก็ฉันไม่ฉลาดเหมือนคนอื่นเค้านี่นา ฉันรำพึงกับตัวเองเสมอเวลาที่อ่านหนังสือไม่ได้ และผลสอบออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ
              “ต้องหาไรใส่ท้องแล้วสมองจะได้แล่น” ฉันพูดพร้อมทั้งลุกขึ้นมาพร้อมทั้งเดินไปหยิบเงินเพื่อลงไปซื้ออาหารกินที่ข้างล่างหอ พอเปิดประตูออกมาและก้าวลงจากบันได ฉันก็สะดุดขาตัวเองล้มไปข้างหน้าเป็นจังหวะเดียวกันกับชายคนหนึ่งซึ่งกำลังขึ้นบันไดขึ้นมาพอดี ฉันกับเขาชนกันพอดีเค้าล้มตกบันไดลงไปและตัวฉันก็ล้มตามลงไปกระแทกเค้าอีกครั้งนึงได้ยินเสียงดัง ตึก!
              “เป็นไรบ้างไหมคะ ขอโทษที เจ็บไหม” ฉันพูดออกมาเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนผิดที่ความซุ่มซ่ามของตัวเองทำให้คนๆหนึ่งต้องไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นบันได
              เขาคนนั้นลุกขึ้นมาพร้อมทั้งยิ้มให้ฉัน แทบไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะไม่โกรธฉันเลย เค้าโบกมือซ้ายขวาข้างหน้าไปมา เพื่อบอกฉันว่าไม่เป็นไรเมื่อฉันเอ่ยปากจะขอโทษเค้าอีกครั้ง แล้วเค้าก็เดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังห้องเค้าซึ่งอยู่ชั้นเหนือห้องของฉันขึ้นไป
              ฉันไม่เคยเห็นเขาหรือว่าเค้าจะพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ แต่ที่แน่ๆเค้าหล่อมาก มีน้ำใจไม่โกรธแม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายที่ล้มลงไปชนเค้า ฉันยิ้มให้ตัวเองอย่างมีความสุขเมื่ออยู่ในห้อง ความรู้สึกนี้หมายถึงว่าฉันหลงรักเค้าเข้าแล้วสิเนอะ
              วันนี้ฉันออกไปจากห้องเพื่อไปสอบด้วยจิตใจเบิกบาน และมั่นใจว่าทำข้อสอบได้ไม่ต่ำกว่าครึ่งเพราะเมื่อคืนมีแรงฮึดอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ วันนี้ฉันรีบกลับห้องเร็วเป็นพิเศษเหมือนต้องการอยากรู้ว่าเทพบุตรของฉันอยู่ห้องไหนกันแน่ ฉันอยากพบเค้าอีกครั้ง โลกของฉันคงจะแจ่มใสขึ้นมั้งถ้าได้เจอเค้าอีกครั้ง
              ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปเพื่อนฉันยังไม่กลับจากเรียนเช่นกัน สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาของฉันเมื่อก้าวเข้าไปในห้อง มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ที่พื้น แน่ล่ะมันถูกสอดเข้ามาจากใต้ประตู
              “เมื่อวานขอโทษนะครับ ที่ผมเดินไม่ระวังไม่เห็นว่าคุณกำลังลงจากบันได คุณคงเจ็บหน้าดูเลย ผมชื่อเทวินนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักหวังว่าผมคงจะได้รู้จักชื่อคุณนะครับ ผมอยู่ห้อง 504 หวังว่าคงได้รับคำตอบจากคุณด้วยวิธีเช่นเดียวกับที่ผมส่งให้คุณนะครับ เทวิน” ฉันอ่านข้อความนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมทั้งยิ้ม “ไม่ต้องเลยพ่อตัวดี ฉันผิดต่างหากไม่ใช่คุณซะหน่อย “ ฉันรำพึงในใจพร้อมทั้งส่ายไปมาด้วยท่าทีเขินแม้จะไม่มีใครอยู่ในห้องด้วยเลยก็ตาม
              ตอนเช้าเมื่อฉันจะไปมหาลัยฉันก็ไม่ลืมที่จะตอบจดหมายเค้ากลับไปว่าฉันชื่ออะไร พร้อมทั้งลงท้ายด้วยรูปหัวใจบอกความหมายเป็นนัยว่าฉันก็แอบปลื้มเขาอยู่เช่นเดียวกัน
              วันนี้ตอนเย็นฉันรีบกลับไปที่หอพักเพื่อที่จะดูว่าเค้าได้รับจดหมายจากฉันแล้วหรือยัง ไม่ผิดเค้ามายืนรอที่หน้าห้องของฉัน เค้ายิ้มหวานจนหัวใจฉันแทบละลายออกมา
              “อุ๊” เค้าเรียกชื่อฉันเมื่อสายตาของฉันและเค้าสบตากัน
              “ค่ะเทวิน ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ เมื่อวานฉันผิดเองฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษคุณ” ฉันพูดพร้อมทั้งก้มศีรษะให้เค้าเพื่อเป็นการขอโทษ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ฉันแทบตกใจเมื่อเค้ายื่นดอกกุหลาบสีแดงมาให้ฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเอาดอกไม้มาให้ฉันตั้งแต่เกิดไม่เคยมีใครเห็นคุณค่าของฉันอย่างนี้
              “ให้ฉันหรือคะ” เทวินพยักหน้าแทนคำพูด พร้อมทั้งยิ้มหวานให้ฉัน
              “ขอบคุณค่ะ ฉันจะเอาไปใส่แจกันดูแลอย่างดีเลยล่ะ”
              ฉันหันกลับและเดินเข้าไปในห้องพร้อมทั้งบอกเค้าว่า จะเข้ามาในห้องฉันก่อนไหมล่ะ เทวินก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ฉันยิ้มตอบให้เค้าแบบเขิน ยังไม่ทันไรฉันก็ชวนเค้าเข้าห้องแล้วเหรอเนี่ย แหมฉันช่างทำตัวไม่สมเป็นกุลสตรีเลย ฉันนึกในใจ เค้าจะตำหนิฉันไหมนะ ไม่หรอกน่าฉันคิดเข้าข้างตัวเอง
              คืนนี้ฉันนอนหลับฝันหวาน พร้อมกับนึกหน้าเค้าทั้งคืนสลับกับมองกุหลาบในแจกัน
              วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาค่อนข้างสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่นึกถึงเค้าคนนั้นจนนอนดึกก็เลยตื่นสาย แล้วแถมวันนี้เพื่อนของฉันก็แกล้งอาบน้ำนานเป็นพิเศษเหมือนจะแกล้ง ทันทีที่ฉันได้เข้าห้องน้ำก็รีบอาบอย่างเร่งรีบและแต่งตัวไปมหาลัยทันที
เมื่อฉันรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ รถยนต์เก่าๆสีน้ำเงินมามาจอดอยู่ข้างหน้าพร้อมทั้งคนขับหมุนกระจกลงมาฉันจำได้ทันทีว่าเป็นเค้า เค้าชี้นิ้วมาที่ฉันและชี้นิ้วไปที่เบาะข้างๆคนขับที่ยังว่างอยู่ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาคิดแล้วเค้าคงตั้งใจจะไปส่งฉันที่มหาลัยแน่ๆเลย ฉันรีบเดินไปนั่งข้างๆคนขับทันทีเพราะว่าต้องรีบรถเมล์อีกคันกำลังเทียบท่าและเค้าต้องออกรถหนีรถเมล์แล้ว
              เมื่อฉันนั่งในรถฉันก็บอกเค้าว่าขอบคุณค่ะ เค้าก็พยักหน้าและพูดชื่อฉันออกมา “อุ๊ อุ๊”
              “ค่ะ รู้แล้วค่ะฉันชื่ออุ๊ ไม่ต้องสองอุ๊ก็ได้นะ” หลังจากนั้นเทวินก็ส่งสายตายิ้มหวานมาให้ฉันตลอดเวลาจนฉันพูดไม่ค่อยออกทั้งๆที่ฉันก็ไม่ใช่คนเงียบอะไรมากมาย ก่อนลงจากรถฉันก็ขอบคุณเค้าอีกครั้ง ทั้งบอกเค้าว่าเย็นนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณตอบแทนนะ ห้ามปฏิเสธ เทวินยิ้มแทนคำตอบ แล้วก็ขับรถออกไป
              “คนไรแปลกจังได้แต่ยิ้ม แต่ก็หล่อดีฉันชอบ” ฉันนึกกับตัวเองในใจ
              แล้วตอนเย็นก็มาถึง ฉันไปเคาะประตูที่ห้องของเขา เขาเปิดประตูออกมาพร้อมกับชุดหล่อๆ ที่ฉันเห็นแล้วสุดเซ็กซี่ พร้อมแล้วนะคะไปกันเถอะ ฉันดึงมือเค้าเข้ามาจับแล้วลากลงบันได ฉันพึ่งสังเกตว่าหน้าเค้าแดง เหมือนกับว่าพึ่งถูกสาวๆจับมือเป็นครั้งแรก
              “คุณจะกินอะไรคะ” ฉันถามเขาแล้วเค้าก็เอามือหยิบปากกาและกระดาษในกระเป๋าเค้าออกมา พร้อมทั้งเขียนรายการอาหารที่เค้าจะสั่งลงไป
              “ผัดผักรวมมิตรเหรอคะ งั้นฉันเอาข้าวผัดนะคุณเขียนลงไปด้วยแล้วกัน” หลังจากฉันพูดจบเทวินก็เขียนลงไปอีกจาน พร้อมทั้งยื่นให้แม่ค้า
              “วันนี้ถ้าไม่ได้คุณฉันคงไปเรียนไม่ทันแน่ๆเลย ว่าแต่คุณทำงานอะไรคะ คุณยังไม่บอกฉันเลย” ฉันพูดพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา
              เทวินหยิบกระดาษอีกใบขึ้นมาพร้อมทั้งเขียนข้อความแล้วยื่นให้ฉัน ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อฉันอ่านฉันก็ถึงบางอ้อในทันที
              “โรงเรียนสอนคนหูหนวก ผมเป็นครูสอนพวกเค้า ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้บอกคุณคือผมพูดไม่ได้น่ะครับ”
              “ไม่เป็นไรค่ะฉันก็ไม่ได้ถามคุณและไม่ได้สังเกตด้วยว่าคุณพูดไม่ได้ ยังไงก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเราอยู่แล้ว” ฉันพูดพร้อมทั้งยิ้มให้เค้าแม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เทพบุตรของฉันเป็นใบ้
              “แล้วนี่เป็นใบ้มาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่าคะ” ฉันถามเค้าเพราะคิดว่าเค้าคงไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดไม่งั้นคงจะฟังฉันไม่รู้เรื่องแน่ๆเลย
              เค้าบรรจงหยิบกระดาษอีกใบออกมาและเขียนลงไปว่า “ครับผมพึ่งจะมีปัญหาพูดไม่ได้เมื่อไม่นานมานี้เองครับ ก็เลยยังฟังออก”
              “แล้วทำไม่คุณพูดชื่อฉันได้ล่ะคะ” ฉันถาม
              “ผมก็พูดได้แค่ อุ๊ อุ๊ แค่นั้นล่ะครับ เพราะมันอยู่ในลำคอ” พอเขียนเสร็จเทวินก็ออกเสียง อุ๊ อุ๊ ออกมาจนฉันต้องหัวเราะออกมา
              หลังจากเหตุการณ์วันนั้นฉันและเขาก็คบหาเป็นแฟนกันเรื่อยมา ฉันมีความสุขมากเวลาที่อยู่กับเค้า แม้เค้าจะพูดไม่ได้ แต่ความสุภาพอ่อนโยนของเค้า เป็นกำลังใจให้ฉัน สายตาของเขาที่ชวนให้ฉันตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก ความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้จากใครยามฉันต้องอยู่ห่างไกลจากครอบครัว เค้าเติมเต็มสิ่งนั้นให้ฉันมาโดยตลอด
              และเมื่อฉันเรียนจบเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นแก่ฉันโดยฉันไม่อาจจะรู้เนื้อรู้ตัว ขณะที่ฉันเดินทางกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมครอบครัว รถทัวร์เกิดพลิกคว่ำทำให้มีคนตายหลายศพแต่ฉันก็ยังโชคดีที่ยังรอดมาได้ แต่ในความโชคร้ายนั่นก็คือ ฉันต้องสูญเสียการมองเห็นไป ฉันอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันจนได้รับการอนุญาตให้ออกมาจากโรงพยาบาลได้
              เพื่อนสนิทของฉันที่เป็นเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็กมารับตัวฉันออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่หอพักของเขาที่ในกรุงเทพ ฉันรีบติดต่อหาเทวินในทันทีที่ได้ออกจากโรงพยาบาล และเขาก็มาอยู่ใกล้ชิดฉันเหมือนทุกที แต่คราวนี้มันไม่เหมือนเก่าแล้ว    ฉันเคยพูดกับเค้าและเค้าตอบฉันกลับมาด้วยแววตาที่แสนอบอุ่น ตัวหนังสือที่ถักทอมาให้ฉันอ่านที่ชวนให้ฉันประทับใจ บัดนี้ดวงตาที่เคยเป็นสื่อสายใยเส้นสุดท้ายของฉันได้ถูกทำลายไปเนื่องจากอุบัติเหตุความโชคร้ายของฉัน
              เทวินจับมือฉัน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันอบอุ่นใจได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ฉันจะไม่เห็นหน้าเค้าอีกแล้ว ไม่เห็นดวงตาที่แสนห่วงใย ฉันร้องไห้ออกมาจากดวงตาที่มืดมน ตอนนี้นิ้วมือของเทวินก็ปาดน้ำตาให้ฉันพร้อมทั้งลูบหัวเมื่อจะปลอบฉันให้ฉันหยุดร้องไห้และบอกว่าเค้าอยู่ตรงนี้แล้ว
              คืนนี้ฉันร้องไห้ทั้งคืน และอีกหลายๆคืนจนดวงตาช้ำไปหมด แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะเห็นหน้าตัวเองได้ว่าหน้าตาตอนนี้แย่แค่ไหน เทวินมาหาฉันทุกเย็นเค้าทำเหมือนกิจวัตรที่ต้องมาหาฉันทุกวัน เค้าเข้ามาเพื่อปลอบใจและเป็นกำลังใจให้ฉัน จนวันหนึ่งฉันต้องใช้ความกล้าอย่างมากพูดในสิ่งที่ผู้หญิงบางคนไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา
              “เทวินคะ อุ๊ดีใจมากที่มีคุณอยู่เคียงข้าง อุ๊รักคุณค่ะ อุ๊ไม่เคยลืมวันแรกที่เราพบกัน ดวงตาของคุณอบอุ่นเสมอ แต่วินคะ อุ๊ไม่ได้เห็นดวงตาของคุณแล้ว อุ๊แค่ได้สัมผัสกับมือของคุณอุ๊ก็อุ่นใจ คุณจะว่าไรไหมคะ คุณจะหาว่าอุ๊ไม่ใช่ผู้หญิงดีก็ได้ อุ๊อยากจะมีอะไรกับคุณค่ะวิน ให้อุ๊รู้สึกว่ามีคุณอยู่เคียงข้างตลอดเวลานะคะ ชีวิตนี้อุ๊ยอมมอบให้คุณแล้วนะคะวิน “ ฉันพูดพร้อมทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูลงอาบแก้วและก้มหน้าซุกไปยังอกของเค้า วินก็ยังเอามือมาโอบฉันไว้แล้วปลอบให้ฉันนิ่งเสีย
              เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นขึ้นมาด้วยความสบายใจที่เมื่อคืนได้บอกความต้องการของตนเองออกไปแล้ว ฉันไม่รีบร้อนสักวันหนึ่งเค้าคงอยากจะแสดงความรักในแบบที่ฉันต้องการรู้สึกผ่านการสัมผัสที่มากกว่าการจับมือ อากาศตอนเช้าช่างสดชื่น เสียงนกร้องวันนี้ช่างดูสดใสมากกว่าทุกวัน แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังเข้ามาพร้อมทั้งเสียงคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
              “อุ๊ อุ๊” “อุ๊ อุ๊”
              วินขึ้นมาบนเตียงที่ฉันนอนอยู่พร้อมทั้งจับฉันให้นอนลงไป เค้าจูบลงมาที่แก้มแล้วเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก ฉันรู้สึกถึงความเร่าร้อนของเค้า และนี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันตอบสนองเค้าเต็มที่ในไม่ช้าทั้งสองคนก็เหลือเพียงร่ายเปลือยเปล่า เค้าบรรจงลูบไล้เนื้อตัวของฉันทั้งร่างกาย และในที่สุดฉันก็ตกเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ ฉันมีความสุขมาก แล้วฉันก็หลับตาลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อนพร้อมทั้งนึกถึงหน้าเค้าและท่าทางของเขาประกอบแม้ว่าฉันจะมองไม่เห็นแล้วก็ตาม รู้เพียงฉันมีความสุขที่สุด แล้วฉันก็หลับไป
              “ก๊อก ๆๆๆ” อุ๊เปิดประตูให้เราหน่อย  เสียงเรียกจากเพื่อนสาวทำให้ฉันตื่นจากความฝันที่แสนสุขเมื่อคืน
              “วินคะไปเปิดประตูให้เพื่อนฉันหน่อยนะคะ” ฉันพูดออกไปเพราะว่าไม่ต้องการที่จะปิดบังใคร ใครจะรู้ก็ช่างเค้า แต่เสียงเคาะประตูก็ยังดังอยู่ ฉันนึกในใจสงสัยวินจะออกไปข้างนอกแน่ๆเลย ดังนั้นฉันต้องรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วไปเปิดประตูให้เพื่อน
              ทันทีที่เพื่อนเปิดประตูเข้ามาและมองเข้ามาในห้องเธอก็ตกใจพูดว่า “อะไรเนี่ยอุ๊ เกิดอะไรขึ้น”
              ฉันงงตั้งตัวไม่ติดว่าเพื่อนพูดถึงอะไร พร้อมทั้งได้ยินเสียงเธอเดินไปที่มุมห้อง พร้อมทั้งพูดว่า
              “วิน เป็นไงบ้างใครจับคุณมัดไว้อย่างงี้”
              “อะไรนะ ใครมัดวิน” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจและเป็นห่วง “ใครมัดวินคะ แล้วมัดวินตอนไหน” เพื่อนสาวของฉันส่งปากกาและกระดาษให้วิน วินเขียนด้วยท่าทางเร่งรีบ
              “ขอโทษนะอุ๊ ที่ผมไม่สามารถช่วยคุณไว้ได้ ผมถูกมัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมขอโทษ” เพื่อนของฉันอ่านให้ฉันฟังด้วยท่าทางงงไม่เข้าใจ
              “น้ำตาของฉันเริ่มเอ่อล้นจากขอบตา” จนเพื่อนสาวของฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยความเป็นห่วง
              “ฉันถูกข่มขืนน่ะ” ฉันพูดเกือบจะไม่เป็นภาษามนุษย์ “ฉันนึกว่าเค้าเป็นวิน”
              หลังจากเหตุการณ์วันนั้นฉันเริ่มซึมเศร้า ฉันเลิกคิดที่จะเป็นของวิน ฉันพยายามจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ทุกครั้งวินก็เข้ามาหาและปลอบเค้าด้วยการสัมผัสมือและลูบหัวของฉันเบาๆ
              และแล้ววันหนึ่งฉันก็รู้สึกว่าโลกของฉันกำลังขาดอะไรบางอย่างไป วินไม่มาหาฉันหลายวันแล้ว ฉันถามเพื่อนของฉัน เธอก็ตอบฉันว่าวินคงไปทำงานหนัก สักพักก็คงกลับมา ฉันรอเฝ้าถามคำถามนี้กับเพื่อนนานเป็นเดือนแต่คำตอบนี้ก็ยังเหมือนเดิม โลกของฉันกำลังกลับคืนเข้าสู่วิกฤตเดิมความเหงาเริ่มแทรกแซงความรู้สึกของฉัน ฉันนอนไม่หลับเกือบทุกคืนน้ำตาก็เอ่อล้มคลอเบ้าตาเสมอ
              จนวันหนึ่งฉันก็ได้รับคำตอบ เมื่อเพื่อนสาวพาฉันไปที่โรงพยาบาลและทำการบำบัดตาของฉัน ในตอนแรกฉันก็ปฏิเสธเพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่เพื่อนก็บอกว่าไว้เธอหายทำงานใช้คืนฉันก็ได้ ฉันจึงยอมเพื่อแลกที่จะได้เห็นวินอีกครั้ง และแล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่ฉันได้เปิดผ้าคลุมตาออก สิ่งแรกที่ฉันหวังคือได้เห็นวินยืนอยู่ข้างหน้า พร้อมทั้งส่งสายตายิ้มให้ฉัน แต่เมื่อฉันลืมตาสิ่งแรกที่เจอคือหน้าพ่อและหน้าแม่ฉันดีใจ ที่ได้เห็นหน้าท่านอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ถึงที่สุดยังขาดคนที่ฉันรักไปอีกคนหนึ่ง วินคะคุณอยู่ไหน หลังจากหมอพาฉันมาอยู่ที่ห้องพักฟื้น ฉันก็ถามเพื่อนของฉันว่า ทำไมวินไม่มาล่ะวันนี้
              เพื่อนสาวฉันก็มีดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมาทันที พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลลงมา นั่นเป็นสัญญาณบอกให้น้ำตาของฉันเริ่มไหลออกมาเองอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วเธอก็หลุดปากพูดคำที่ทั้งชีวิตนี้ฉันไม่อยากได้ยินเลย
              “วินเค้าไม่อยู่แล้วล่ะ เค้าไม่กลับมาแล้วล่ะ เค้าเสียชีวิตไปแล้วล่ะ วันเดียวกันกับที่เธอเข้ามารักษาการผ่าตัดดวงตาที่นี่ล่ะ”
              “ทำไมไม่มีใครบอกฉัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันสักคำ” ฉันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรออกมา
              “เค้าเป็นอะไรตายล่ะ” ฉันกลั้นใจถามคำถามนี้ออกมา
              “เค้าเป็นมะเร็งกล่องเสียงระยะสุดท้ายน่ะ แล้วก็เสียชีวิตไปหลังจากที่เข้ารักษาสักหนึ่งอาทิตย์ได้น่ะ แล้วที่สำคัญเงินประกันทั้งหมดที่เค้าได้รับหลังจากเสียชีวิตทั้งหมด เข้าเขียนมอบให้เธอไว้รักษาดวงตาให้หาย นี่เป็นจดหมายที่เค้าจะให้เธอได้อ่านก่อนที่เค้าจะตายไป เดี๋ยวฉันหยิบให้นะ”
              “ถึงอุ๊ ที่รักของผม ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสียใจกับการจากไปของผม ผมรู้คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าผมเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ ผมอยากอยู่กับคุณให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ผมมีความสุขมากเวลาที่ได้อยู่กับคุณ ผมดีใจที่คุณมาคุยกับผมแม้ว่าผมจะเป็นใบ้ ตลอดเวลาไม่มีใครยอมที่จะคุยกับผมคงเพราะความรำคาญ แต่คุณกลับไม่เหมือนคนทั่วไป คุณยิ้มให้ผม คุณพูดกับผม เหมือนผมมีความสำคัญในชีวิต คุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะกับคุณ เงินทั้งหมดจากเงินประกันผมจะมอบให้คุณนำไปรักษาดวงตา ดวงตาที่เคยจ้องมองผม ดวงตาที่ทำให้คุณมีความสุขเวลาที่จ้องมองผม แต่ผมคงไม่สามารถอยู่ถึงวันที่คุณมองเห็นได้ แต่ขอให้คุณรู้อยู่เสมอว่า ผมมองเห็นคุณอยู่เสมอ คุณจะอยู่ในสายตาของผมตลอดไป และขอให้ผมอยู่ในสายตาของคุณด้วย เพราะว่าดวงตาที่คุณผ่าตัดนั้นเป็นดวงตาของผมเอง ดวงตาแห่งความรัก รักเสมอ เทวิน” ฉันอ่านพร้อมทั้งปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
             
“ฉันรักคุณค่ะเทวิน ฉันจะรักคุณเสมอ ขอบคุณนะคะเทวินที่เป็นดวงตาให้ฉันตลอดไป”
/////////////////////////////////////////
ติดตามผลงานเรื่องอื่นของผม
เรื่องใหม่ล่าสุดของผม \"เมื่อฉันตาย ความรักไม่ได้ตายตามไปด้วย\"
http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=2025
ตามไปอ่านกันด้วยนะครับเรื่องนี้ เรื่องเศร้า
สัญญาได้ไหม.. ว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกัน
http://www.dekdee.com/entertain/editshort.php?id=31
ทำไมนะทำไม ไม่รู้ใจตัวเองเสียที
http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=282
เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่
http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=423
สร้างความร้าวฉานคืองาน(ของฉันเหรอเนี่ย) เรื่องยาว
http://www.dekdee.com/entertain/viewlong.php?id=533
X
http://www.dekdee.com/entertain/viewshort.php?id=792
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น